เคล็ดลับ! กินลูกอมอย่างไร? ไม่ให้ "ฟันผุ"

บทความสุขภาพ

20 เม.ย. 2567
ครั้ง

เคล็ดลับ! กินลูกอมอย่างไร? ไม่ให้ "ฟันผุ"

      คงปฏิเสธไม่ได้ว่าของหวานๆ กับเด็กๆ เป็นของคู่กัน โดยเฉพาะ ลูกอม ที่มีทั้งสีสันสดใสและรสหวานถูกใจ  ผู้ใหญ่หลายคนจึงมักชอบส่งทอฟฟี่ให้เด็ก ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยากเห็นรอยยิ้ม ทนเสียงตื๊อไม่ไหว เพื่อให้เด็ก ๆ เชื่อฟังขึ้น ซนน้อยลง แต่การยื่นห่อสีสวยใส่มือเล็กๆ  นั้น กลับกลายเป็นการยื่นความอ้วน ฟันผุ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจตามมาโดยไม่รู้ตัว

 4 วิธีดัดนิสัยคน “ติดหวาน” ได้ง่ายๆ

  • จำกัดปริมาณขนม : เริ่มต้นด้วยมาตรการจำกัดปริมาณของหวานที่ควรได้รับในแต่ละวัน หรือเป็นมื้อ เท่าที่จะควบคุมได้ เช่น กำหนดให้ลูกกินขนมได้ 1 อย่างในหนึ่งมื้อ หรืออนุญาตให้กินขนมได้เฉพาะตอนหลังเลิกเรียนเท่านั้น 
  • อย่าให้ของหวานเป็นรางวัลกับลูกบ่อยเกินไป : คุณพ่อคุณแม่อาจจะเปลี่ยนวิธีการให้รางวัลแก่เด็กๆ จากการให้รับประทานขนม หรือของหวาน เป็นการออกไปทำกิจกรรมที่เด็กๆ ชอบ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และเสริมสร้างพัฒนาการด้านอื่นให้เด็กๆ อีกทางหนึ่ง
  • ปรับพฤติกรรมการกินหวานทีละน้อย : ปรับพฤติกรรมบางอย่างของเด็กๆ ทีละน้อย เพื่อสร้างนิสัยใหม่ เช่น ให้รับประทานผลไม้ที่มีรสชาติหวาน แทนของหวานหลังมื้ออาหาร หรือฝึกให้เด็กๆ ดื่มน้ำเปล่าคู่กับมื้ออาหารหลัก หรือเปลี่ยนนมรสหวาน ที่เด็กๆ ชอบดื่มเป็นประจำ มาเป็นนมรสจืด ซึ่งดีต่อสุขภาพของเด็กๆ มากกว่า
  • ดูแลสุขภาพฟันหลังจากรับประทานของหวาน : เพราะฟันของเด็กๆ นั้นผุง่ายกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเคลือบฟันยังไม่แข็งแรงพอที่จะปกป้องฟันจากการทำลายของกรดน้ำตาลหลังรับประทานของหวาน ฉะนั้นการดูแลสุขภาพฟันหลังรับประทานของหวานจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่หากต้องบังคับให้เด็กๆ แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง คงเป็นเรื่องยาก การกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์หลังกินของหวานจึงเป็นอีกทางเลือกที่ทำได้ง่ายกว่า

เคล็ดลับ! ให้เด็กกินลูกอมอย่างไร? ไม่ให้ "ฟันผุ"

  • อ่านฉลาก : ดูส่วนผสมของทอฟฟี่ทุกครั้งก่อนซื้อ เปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลจำนวนไม่ควรเกิน 12 กรัม รวมถึงเลือกที่มีส่วนผสมของธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น เป็นสีปรุงอาหารที่รับประทานได้ หรือใช้สมุนไพรเพิ่มความหวาน
  • ทอฟฟี่ธรรมชาติ : เลือกทอฟฟี่ที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำตาลมะพร้าว นม  กล้วย หรือผลไม้ชนิดต่างๆ  แทนทอฟฟี่สีสดที่ทำจากสารสังเคราะห์
2.png

  • กินเป็นเวลา : ไม่รับประทานทอฟฟี่ก่อนอาหาร เพราะจะทำให้อิ่มจนรับประทานข้าวไม่ได้  รวมถึงไม่กินในระหว่างวิ่งเล่น หรือนั่งรถเด็ดขาด เพราะเด็กอาจสะดุดล้มหรือสำลัก อาจทำให้ทอฟฟี่ติดคอ เป็นอันตรายได้
  • แปรงฟัน : ควรฝึกให้เด็กแปรงฟันทุกครั้งหลังกินทอฟฟี่ หรืออาหารหวานอื่นๆ เพื่อลดการสะสมของน้ำตาลในบริเวณซอกฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้ฟันผุ
3.png

  • เลี่ยงทอฟฟี่แบบที่อมนาน : ปัจจุบันมีการผลิตทอฟฟี่หรือลูกอมชนิดที่ใช้อมระหว่างมื้ออาหาร และอมวันละหลายๆ ครั้ง  ซึ่งส่งผลเสียอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเพิ่มเวลาและปริมาณน้ำตาลให้เชื้อจุลินทรีย์ใช้สร้างกรดซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุมากขึ้น
  • เลี่ยงทอฟฟี่เคี้ยวหนึบ : เนื่องจากลูกอมมีลักษณะเหนียวหนับ เมื่อเคี้ยวจะยิ่งติดฟันมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณซอกฟัน ซึ่งหากทำความสะอาดไม่ทั่วถึงอาจส่งผลเสียกับฟันมากขึ้น

4.png

 

      นอกจากนี้ควรพาเด็ก ๆ พบหมอฟันเพื่อตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ ทุก 3-6 เดือน ควบคุมปริมาณและความถี่ของลูกอม แปรงฟันให้ดี พร้อมนำเคล็ดลับเบื้องต้นไปใช้ เพียงเท่านี้ก็สามารถให้เด็ก ๆ กินลูกอมได้อย่างสบายใจ ห่างไกลฟันผุ

1.png

 

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา

iConsFacebook.png iConsInstagram.png iConsLine.png iConsTwitter.png iConsYouTube.png iConsTikTok.png