โยเกิร์ต กินตอนไหน? ช่วยอะไรได้บ้าง?

บทความสุขภาพ

18 ม.ค. 2567
ครั้ง

โยเกิร์ต กินตอนไหน? ช่วยอะไรได้บ้าง?

      เป็นที่ทราบกันดีถึงคุณประโยชน์ของ โยเกิร์ต ที่มีต่อร่างกายโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือควบคุมอาหารเพื่อรักษาสัดส่วน โดยโยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม มีโปรตีนมากกว่านมถึงร้อยละ 20 แล้วยังมีวิตามินและเกลือแร่อยู่หลายชนิดด้วยกัน ทั้งวิตามินบี วิตามินดี และแคลเซียม แถมยังมีโพรไบโอติกส์อยู่มาก

ประโยชน์ของโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง?
  • แก้ท้องผูก สาเหตุเกิดมาจากการกินอาหารที่มีกากใยน้อยเกินไป ซึ่งชาวบัลแกเรียนิยมกินโยเกิร์ตเป็นประจำ เพราะช่วยปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่าย โยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้จึงสามารถช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น 
  • ควบคุมน้ำหนัก โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีน จึงช่วยให้อิ่มท้อง แต่ถ้าหากต้องการลดน้ำหนัก ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือกรีกโยเกิร์ต เพราะมีโปรตีนสูงเป็น 2 เท่าของโยเกิร์ตทั่วไป แล้วยังให้แคลอรี่ต่ำ 
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานลำไส้ แลคโตบาซิลัสในโยเกิร์ต เป็นจุลินทรีย์ที่ร่างกายต้องการ ซึ่งจะไปช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้ 
  • ช่วยรักษาเชื้อราในช่องคลอด เพราะโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่สามารถช่วยกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อันเกิดเนื่องมาจากเชื้อราต่าง ๆ
  • มีแคลเซียมสูง โยเกิร์ตอุดมไปด้วยแคลเซียม และฟอสฟอรัส จึงช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง เพราะโยเกิร์ตมีกรดแลกติก ที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลงทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ง่ายขึ้น แคลเซียมที่ได้จากโยเกิร์ตจะทำให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเป็นโรคกระดูกพรุน 
  • ช่วยลดกลิ่นปาก เพียงแค่ทานโยเกิร์ตเป็นประจำ สามารถช่วยลดระดับไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และลมหายใจมีกลิ่นเหม็น แล้วยังช่วยบำรุงเหงือก และฟัน ลดอาหารเหงือกอักเสบได้อีกด้วย 
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอล การรับประทานโยเกิร์ตซึ่งมีโพรไบโอติกอยู่ด้วย จะสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ โยเกิร์ตจะช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลวให้ลดลง 

โยเกิร์ตกินเวลาไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

  • ตอนเช้า (06.00 – 07.00 น.) : เหมาะที่จะทานเป็นอาหารเช้าในทุก ๆ วัน เพราะไขมันต่ำ แต่มีสารอาหารมากมายที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และเป็นตอนท้องว่างที่ร่างกายสามารถดูดซึมประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
  • ตอนกลางวัน (11.00 – 13.00 น.) : เป็นช่วงของการปรับสมดุลระบบลำไส้ โดยการทานโยเกิร์ตในช่วงกลางวันนั้นจะส่งผลให้จุลินทรีย์จะช่วยปรับสมดุลในระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้ทำงานเบาลง
  • ตอนเย็น (18.00 – 19.00 น.) : ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ลดปริมาณการกินอาหารให้น้อยลง ย่อยง่าย ไม่เป็นภาระต่อกระเพราะอาหาร ทั้งยังช่วยลดปัญหาน้ำหนักเกินจากการกินมื้อเย็นหรือมื้อดึกได้เป็นอย่างดี
  • ก่อนนอน (19.30 – 20.00 น.) : โยเกิร์ตมีส่วนประกอบของนม ในโยเกิร์ตจึงมีทริปโตเฟน กรดอะมิโนที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกง่วงนอน และทริปโตเฟนยังจะช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับง่ายกว่าเดิม

โยเกิร์ตไม่เหมาะสำหรับใครบ้าง?

  • ผู้ที่แพ้แลคโตส เกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดแลคเตสเอนไซม์ที่จำเป็นในการย่อยแลคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบในนมอาจมีอาการ เช่น ปวดท้อง, ท้องเสียหลังจากบริโภคผลิตภัณฑ์นม ดังนั้น ผู้ที่แพ้แลคโตสอาจต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานโยเกิร์ต
  • ผู้ที่แพ้นม นมประกอบด้วยเคซีน ซึ่งเป็นโปรตีนที่บางคนแพ้ ซึ่งนมอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยา เช่น เป็นลมพิษ, คันบวมแดง ไปจนถึงภูมิแพ้ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

      หากเลือกกินโยเกิร์ตที่มีไขมันและน้ำตาลสูงในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจเป็นสาเหตุของปัญหาน้ำหนักตัวที่เพิ่มสูงขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้นแนะนำว่าควรกินโยเกิร์ตในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่กับกินอาหารอื่น ๆ ให้หลากหลาย และควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับสารอาหารมากเกินไปจนน้ำหนักเกินเกณฑ์

โยเกิร์ตกินตอนไหนช่วยอะไรได้บ้าง.png

 

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา

iConsFacebook.png iConsInstagram.png iConsLine.png iConsTwitter.png iConsYouTube.png iConsTikTok.png